6 สถานที่สุดอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้!
24 ก.ย. 2021

6 สถานที่สุดอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้!

ข้ามไปยัง..

วันนี้สรรหาจะพามารู้จักกับสถานที่สุดอันตราย ที่เพื่อน ๆ หลายคน อาจจะไม่เคยได้ยินชื่อหรือไม่รู้จัก ถึงแม้จะเป็นสถานที่เหล่านี้จะไม่ค่อยเปิดให้มีการเยี่ยมชม แต่ก็ยังมีนักท่องเที่ยวอีกหลายกลุ่มที่พยายามเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นจนเสียชีวิต ว่าแต่มีที่ไหนบ้าง จะน่ากลัวขนาดไหน มาดูกันเลยค่า

1. North Sentinel Island, India

North Sentinel Island, India

เป็นเกาะที่ไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมวิถีชีวิตของชนพื้นเมือง หรืออนุญาตให้ทำธุรกิจใด ๆ เกี่ยวกับเกาะนี้ เพราะมีชนเผ่าเซนทิเนลอาศัยอยู่ในเกาะเซนทิเนลที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือ เป็นชนเผ่าที่รักและหวงแหนดินแดนของตนเป็นอย่างยิ่ง ยังชีพด้วยการจับปลา จับสัตว์ป่าเป็นอาหาร ยางไม้ และน้ำผึ้ง ไม่มีประวัติเกี่ยวกับการเดินเรือ เชื่อว่าเป็นชนเผ่าที่รักสงบ แต่ถ้ามีผู้บุกรุกเข้ามาจะถูกสังหารด้วยธนูสถานเดียว แม้รัฐบาลจะพยายามช่วยเหลือหรือติดต่อเพื่อขอศึกษาเกี่ยวกับชนเผ่าแต่ก็ถูกปฏิเสธยังไม่ใยดี รัฐบาลอินเดียจึงประกาศห้ามเข้าใกล้เกาะแห่งนี้ในระยะ 3 ไมล์ เพื่อความปลอดภัย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงมีเรือประมงแอบเข้าไปทำให้ถูกสังหารด้วยธนูจนเสียชีวิต จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สามารถนำศพกลับมาได้ 

 

2. Lake Natorn, Tanzania

Lake Natorn, Tanzania

ทะเลสาปเนตรอน เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศแทนซาเนีย ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนของประเทศเคนยาฝั่งตะวันออก เป็นทะเลสาบที่มีความยาวถึง 57 กิโลเมตร กว้าง 22 กิโลเมตร เป็นทะเลสาบพิศวงที่มีความเค็มเข้มข้นของเกลือมากและมีน้ำพุมากมายอยู่ใต้ทะเล ทำให้ทะเลนี้มีอุณหภูมิสูงถึง 60 องศา และมีค่า ph อยู่ที่ 9-10.5 ในบริเวณนี้จึงมีแหล่งแร่ธาตุและจุลินทรีย์ที่สังเคราะห์แสงได้ ทำให้น้ำทะเลกลายเป็นสีแดง แต่ในขณะเดียวกันก็อันตรายถึงชีวิตเพราะสัตว์ที่มาหากินในบริเวณนี้จะถูกสารโซเดียมคาร์บอเนตที่อยู่ในน้ำทะเลกัดกร่อนจนตาย และซากศพที่พบมักจะคล้ายกับการถูกสตาร์ฟไว้ เพราะศพแห้งและแข็งเป็นหินนั่นเอง แต่มีสัตว์ชนิดเดียวที่ยังอยู่อาศัยในบริเวณนี้ นั่นคือ นกฟลามิงโก้ กว่า 1 ล้านตัว ที่อาศัยกินสาหร่ายในทะเลสาบเนตรอนเป็นอาหาร อีกทั้งในสาหร่ายเพราะในสาหร่ายมีสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน จึงทำให้นกชนิดนี้มีสีชมพูออกแดงนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีปลาอัลคาไลน์ ทิลาเปีย ที่ปรับสภาพจนสามารถอาศัยอยู่ใต้ทะเลสาบเนตรอนได้แล้ว

 

3. Ramree Island, Myanmar

Ramree Island, Myanmar

เกาะรามรี อยู่นอกชายฝั่งของรัฐอาระกัน ประเทศพม่า มีพื้นที่ประมาณ 1,350 กิโลเมตร เป็นเกาะที่มีจระเข้น้ำเค็มอาศัยอยู่ทั่วทั้งเกาะในบริเวณป่าชายเลน อยู่อาศัยชุกชุมมาตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2  มีเหตุการณ์ระทึกขวัญที่ทหารญี่ปุ่นกว่า 1,000 นาย ได้หลบหนีการปะทะกับข้าศึกฝั่งอังกฤษเพราะไม่อยากถูกจับเป็นเชลย ได้หลงเข้ามาทางบริเวณบึงที่มีจระเข้เพชรฆาตอาศัยและถูกสังหารไปกว่าครึ่ง ทำให้มีการบันทึกในกินเนสส์บุ๊กว่าเป็น โศกนาฏกรรมจากสัตว์ที่เลวร้ายที่สุดที่เกิดจากจระเข้ จนเกาะนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็น "เกาะจระเข้กินคน"

 

4. Snake Island, Brazil

Snake Island, Brazil

ตั้งอยู่นอกชายฝั่งของรัฐเซาเปาล ประเทศบราซิล มีพื้นที่ประมาณ 430,000 ตารางเมตร มีประชากรงูอาศัยอยู่ทั่วทั้งเกา ซึ่งปัจจุบันเชื่อว่าน่าจะมีการลดลงเพราะปัญหาโลกร้อนร่วมด้วย แต่ทั้งสมญานาม “เกาะงูคลั่ง” ก็ยังไม่มีใครโค่นบัลลังก์ลงได้ เป็นเกาะที่ไม่เปิดให้มีการเที่ยวชมเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวและงูเจ้าถิ่น แต่เปิดให้นักวิจัยได้เข้าศึกษา ซึ่งงูในเกาะนี้มีพิษมากกว่างูในแผ่นใหญ่ถึงห้าเท่า เมื่อได้รับพิษแล้วสามารถตายได้ทันที เพราะแหล่งอาหารนั้นกว้างกว่าขนาดของงู ทำให้พิษถูกวิวัฒนาการจนสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของเหยื่อได้ทัน เช่น งูพิษโกลเดนแลนซ์เฮด เป็นงูประจำถิ่นของเกาะนี้เป็นอยู่ในสายพันธุ์ย่อยของงูหางกระดิ่ง และอาศัยอยู่บนเกาะมากกว่า 5,000 ตัว 

 

5. Bikini Island, The Mashall Island

Bikini Island, The Mashall Island

เกาะบิกินี่ เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะมาแชล ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นสถานที่แรก ๆ ที่ถูกใช้ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ ซึ่งกองทัพสหรัฐใช้ทดลองนานกว่า 12 ปี จำนวน 23 ลูก ก่อนจะถูกพัฒนาเป็นระเบิดปรมาณูที่ใช้ในสงครามที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ การทดลองที่ยาวนานนี้เองได้ทำให้ประการังหลายจุดถูกลบหายไปจากแผนที่โลก และสร้างกากกัมมันตรังสีมากมายปนเปื้อนไปกับน้ำทะเล จนถึงปัจจุบันก็ยังกำจัดไม่หมด แม้กองทัพสหรัฐจะมีปฏิบัติการไอวี่ ที่ช่วยทำหน้าที่เก็บกวาดกากกัมมันตรังสี แต่ทหารหลายพันนายที่ถูกส่งไปต่างล้มป่วยและถูกคร่าชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนเกิดจากการรับสารกัมมันตรังสีเป็นเวลานาน เกาะนี้จึงเป็นเกาะอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้ อีกทั้งด้วยระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นทุกปี ทำให้สารกัมมันตรังสีที่ถูกกักเก็บไว้ในโดมรูนิตรั่วไหลและปนเปื้อนไปกับสัตว์ทะเลในมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งนักวิชาการคาดว่าในอนาคตโดมนี้อาจจะจมอยู่ใต้ทะเล เพราะน้ำทะเลที่หนุนสูงขึ้นทุกปีก็เป็นได้

 

6. Death Valley, USA

Death Valley, USA

ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของของประเทศสหรัฐอเมริกา อยู่ในเขตรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐเนวาดา ได้รับสมญานามว่าเป็นหุบเขาแห่งความตาย เพราะเป็นจุดที่แห้งแล้งที่สุด ต่ำที่สุดประมาณ 282 ฟุต ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล อีกทั้งยังมีอุณหภูมิสูงที่สุด เคยมีการบันทึกว่ามีอุณหภูมิสูงถึง 57 องศาเซลเซียส บวกกับสภาพอากาศแห้งแล้งเพราะฝนตกน้อยกว่า 3 นิ้ว ซึ่งสภาพอากาศมหาโหดนี้ก็ทำให้สภาพแวดล้อมและธรรมชาติที่นี่ค่อนข้างแปลกตา หินที่อยู่ตามทางก็แหลมคมมากขึ้น เพราะอากาศแห้งแล้ง ไม่มีความชุ่มชื้น แต่ถึงอย่างไรก็ยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมความงามของธรรมชาติอยู่เสมอ เฉลี่ยปีละ 8 แสนคนเลยทีเดียว

เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ที่เกี่ยวโยงกับกลุ่มคน สัตว์ และสงครามอย่างครบรสเลยทีเดียว เป็นทั้งอารยธรรมและภูมิปัญญาที่ชนเผ่าได้สืบทอดต่อกันมา และเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ต่าง ๆ ที่ไม่มารุกรานเรา ซึ่งก็ควรอนุรักษ์ไว้เป็นกรณีศึกษาต่อไป และยังทำให้เราได้เห็นถึงผลกระทบของสงครามที่ส่งผลให้เกิดความเสียหายและบาดแผลที่แม้จะผ่านไปนานแค่ไหนก็ไม่สามารถลบเลือนสิ่งที่สงครามทิ้งไว้นั่นเอง



ผู้เขียน :

fashionista คืองานหลัก content editor คืองานรอง
Momint

fashionista คืองานหลัก content editor คืองานรอง

ออกแบบกราฟิก :

จริงๆ ชื่อ แจ้ ไม่ได้ชื่ออ้อม
แจ้

จริงๆ ชื่อ แจ้ ไม่ได้ชื่ออ้อม