รวม 26 คำศัพท์ที่สายคริปโตต้องรู้

นักลงทุนห้ามพลาด!! กับคำศัพท์ที่อยู่ในโลกคริปโต คำศัพท์นี้ก็สำคัญมาก ๆ ถ้าเราไม่รู้เรื่องเราก็อาจจะเสียเปรียบหรือพลาดโอกาสบางอย่างไปได้ สรรหาก็รวมมาให้เพื่อนทั้งหมด 26 คำด้วยกัน 

 

1. Exchange

กระดาษเทรด, การดานแลกเปลี่ยนจะเป็นในรูปแบบ Application หรือ Wedsite ก็ได้ซึ่งก็สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 

1. Centralized Exchanges

มีตัวกลางแลกเปลี่ยนอยู่ และต้องทำ KYC (Know Your Customer) เป็นการยืนยันตัวตัว ถ่ายรูปต่าง ๆ และถือว่าเงินของเราก็อยู่กับเค้า

ตัวอย่างในเมืองไทยเช่น Bitkub, Satang Pro, Bitazza ,Zipmex  ต่างประเทศเช่น Binance, FTX หรือ Coinbase เป็นต้น 

2. Decentralized Exchanges (DEX)

ไม่มีตัวกลาง ไม่มีการทำ KYC(Know Your Customer) ไม่ต้องยืนยันตัวตนเพียงแค่มีรหัส Seed phrase ก็สามารถเปิดบัญชีเข้าไปได้ และเหรียญก็จะอยู่กับเราซึ่งเราก็ต้องจำรหัสให้ได้ DEX ก็เป็น Exchange แต่อยู่ในโลกของ Defi ไม่มีตัวกลางไม่มีใครมาควบคุม เช่น Uniswap, Pancakeswap เป็นต้น 

 

2. Sees phrase

คือ ชุดรหัสจำนวน 12 หรือ 24 คำ ที่สร้างโดยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ของ Cryptocurrency wallet นั้น ๆ ใช้เป็นรหัสสำรองสำหรับกู้คืนสินทรัพย์ดิจิทัลในกรณีที่ Cryptocurrency wallet ของบุคคลนั้นเสียหาย 

 

3. Fiat Money

เอาไว้เรียกเงินที่รัฐบาลแต่ละประเทศบอกว่าเงินมีมูลค่า 

 

4. Alcoin

(Alternate Coin) เหรียญทางเลือกเอาไว้ใช้เลือกทุกเหรียญที่ไม่ใช้ Bitcoin เพราะ Bitcoin เป็นเหรียญหลักจากนั้น ETH, BNB, ADA, Dogecoin, Shiba Coin ถือว่าเป็น Alcoin

 

5. All in

มีเท่าไหร่ใส่หมดหรือลงหมดหน้าตัก

 

6. Hodl

(Hold) ถือเหรียญคริปโตในระยะยาว หรือเรียกว่า Hold on for dear life

 

7. Diamond hand

คนที่ถือยาวไปเรื่อย ๆ และไม่มีการคิดที่จะขาย

 

8. ATH

(All time high) ราคาของเหรียญที่ขึ้นไปสูงสุดเท่าที่เคยไปถึง

 

9. ICO

(Initial Coin Offering) การระดมทุนแบบดิจิทัลด้วยการเสนอขาย 

 

10. Minaing

การขุดในคริปโตจะใช้โปรแกรมเพื่อแก้สมการคณิตศาสตร์เพื่อช่วยดูแลให้เครือข่ายปลอดภัย โปร่งใส โดยจะเขียนคนที่ทำแบบนี้ว่านักขุด หรือ Miner 

 

11. Airdrop

การที่แพลตฟอร์ม หรือ Project ต่าง ๆ มีการเก็บเหรียญให้ได้เก็บฟรี หลาย ๆ โปรเจกต์ก็มีการแจกฟรีโดยจะแจกผ่าน Exchange ต่าง ๆ 

 

12. Whale หรือ ปลาวาฬ

นักลงทุนรายใหญ่ที่ถือเหรียญนั้น ๆ จำนวนมาก เช่นคนที่ถือ 1,000 bitcoin ไปจนถึง 5,000 bitcoin ขึ้นไป (ขึ้นอยู่กับราคาเหรียญแต่ละเหรียญด้วย)

 

13. Bull Market

“ตลาดกระทิง” ภาวะที่ตลาดขาขึ้น ที่เหรียญส่วนใหญ่ในตลาดราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะคึกคักเหมือนกระทิง

 

14. Bear Market

ภาวะตลาดขาลง มีความอืดอาดเหมือนหมีซึ่งภาวะนี้ตรงข้ามกับตลาดกระทิง

 

15. KYC

( Know Your Customer) กระบวนการทำความรู้จักลูกค้า ที่สามารถระบุตัวตนและพิสูจน์ตัวตนได้อย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยและโปร่งใส เพื่อป้องกันการฟอกเงิน

 

16. FUD

(Fear Uncertainty Doubt) อาการที่เรารู้สึกไม่มั่นใจ สงสัย ระแวง ทำให้เกิดการขายเหรียญแบบไม่ดูจังหวะไม่สมเหตุสมเหตุ เพราะ Cryptocurrentcy จะ sensitive กับข่าวมากบางทีที่มีข่าวเสียหายออกมาก็เพราะนายทุนอยากจะกดราคาลงเท่านั้น ดังนั้นเราต้องใช้เหตุและผลในการลงทุน

 

17. FOMO

(Fear Of Missing Out) ความกลัวพลาดกับโอกาสอะไรบางอย่างไป กลัวที่จะไม่รู้และตามไม่ทันกับสิ่งที่คนอื่นรู้ หรือ “กลัวตกรถ”

 

18. DeFi

(Decentralized Finance) ระบบการเงินที่ไร้ตัวกลาง โดยที่เราสามารถโอนเงิน ฝากเงิน โอนเงิน ถอนเงิน และเราอาจจะได้รับผลตอบแทนได้มากกว่า และไม่ต้องทำ KYC

 

19. Gas

ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นบน Blockchain, Defi, NFT ซึ่งจ่ายด้วย Cryptocurrency ค่า Gas แต่ละแพลตฟอร์มก็จะมีราคาไม่เท่ากัน

 

20. Governance token

เหรียญที่แพลตฟอร์ม หรือ โปรเจคต่าง ๆ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานในระบบ และเป็นรางวัลให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งเหรียญนี้ก็ทำให้เรามีสิทธิมีเสียงในการ Vote ใน Platform ยิ่งมีเหรียญมากก็ยิ่งมีสิทธิโหวตมาก คล้าย ๆ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในบริษัทนั้น ๆ 

 

21. Liquidity Pools

Liquidity แปลว่าสภาพคล่อง Pools แปลว่าการรวมตัวกัน  Liquidity Pools เกิดจากแพลตฟอร์มการลงทุนที่ไม่ได้มีเหรียญของตัวเองก็อาจไม่มีการซื้อขายเกิดขึ้นทำให้ไม่มีคนเข้ามาใช้ แพลตฟอร์มเลยใช้วิธีจูงใจให้นักลงทุนมาใช้โดยการให้ยืมเหรียญ การยืมเหรียญเรียกว่า Liquidity Pools เช่น ในแพลตฟอร์มมีเหรียญ A ให้เรายืม จากนั้นมีคนมายืมเหรียญจากเราไปใช้ต่อคนที่ยืมไปใช้ต่อก็ต้องให้ผลตอบแทนให้แพลตฟอร์ม จากนั้นแพลตฟอร์มก็แชร์เงินมาให้เราที่สามารถสร้างเป็น Passive income ได้ หรือบางแพลตฟอร์มก็อาจจะให้เป็นเหรียญ Governance ให้เราได้

 

22. Yield Farming

Yield แปลว่าผลตอบแทน Farm แปลว่าการทำฟาร์ม(หว่านเมล็ดและเก็บเกี่ยว) การสร้างผลตอบแทน แบบ Passive Income บนโลก DeFi โดยให้นักลงทุนนำสินทรัพย์เข้ามาไว้ในระบบ Defi และเปิดให้คนอื่น ๆ ในระบบได้ยืมทรัพย์สิน หรือเหรียญของเราไปเทรด หรือลงทุนได้ โดยเราจะได้รับผลตอบแทนกลับมาเป็นค่าธรรมเนียมและดอกเบี้ย โดยเราจะทำยังไงก็ได้เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงที่สุดเช่น ปล่อยกู้(lending), Staking, liquidity Provider

 

23. Fork

แบ่งได้ 2 แบบคือ Soft Fork และ Hard Fork

 Soft Fork คือการเปลี่ยนแปลงมีการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ ๆ อัปเกรดซอฟต์แวร์ใน Blockchin เดิมโดยระบบเดิมยังคงใช้งานได้ปกติ

Hard Fork คือการการสร้างระบบใหม่ที่แยกออกจากระบบเก่าโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ แต่มูลค่าทางการเงินจากระบบเก่ายังอยู่

 

24. Hot wallet & Cold wallet

Hot wallet คือกระเป๋าที่เชื่อมต่ออยู่บนอินเทอร์เน็ต มักจะเป็น Software หรือ Application ทั้งในมือถือ และคอมพิวเตอร์ เช่น Metamask, Exchange ต่าง ๆ

Cold wallet, Cold Storage หรือ Hardware Wallet (เรียกได้หลายแบบ) เป็น Hardware สำหรับเก็บข้อมูลที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตตลอดเวลาทำให้เข้าถึงยากกว่า แต่ปลอดภัยมากกว่า Hot wallet

จะมีลักษณะคล้าย Flash drive สำหรับเก็บข้อมูลแต่ความจริงเหรียญไม่ได้อยู่ที่เจ้าตัวนี้เหรียญก็ยังอยู่บน Blockchain แต่เรามี Cold wallet เก็บไว้เพื่อเป็น Private key (ต้องเก็บรหัสไว้ในที่ ๆ ปลอดภัยที่สุด หากคุณทำรหัสหายหรือมีคนได้รหัสไปเค้าอาจจะทำให้คุณหมดตัวเลยก็ได้)

 

25. To The Moon

ใช้เรียกเวลาที่ราคาเหรียญพุ่งขึ้นมาก ๆ เป็น 10, 20, 100 เท่า

 

26. Buy The Dip

คือจังหวะที่เหรียญกำลังตกลงมาแล้วเราก็ต้องค่อย ๆ ทยอยเข้าไปซื้อสะสมไว้ (เข้าไปช้อนแบบมีเหตุผล)

 

ศัพท์ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงพื้นฐานส่วนหนึ่งในการเทรดคริปโตเท่านั้น แต่เราก็ยังต้องศึกษาข้อมูลอื่น ๆ อีกด้วยเช่นการหาเหรียญใหม่ๆ การวิเคราะห์เหรียญ และการดูจังหวะเพื่อเข้าซื้อเหรียญในราคาที่ถูกด้วย และสุดท้ายลงทุนเท่าที่คุณจะเสียได้เท่านั้นเพราะการลงทุนมีความเสี่ยงไม่ว่าจะขึ้นหรือลงก็ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนได้เช่นกัน สุดท้ายพี่พอลก็ฝากไว้ในโลกของคริปโตเราควร

DYOI เสมอ (Do Your Own Research) ศึกษาเอง วิเคราห์เองไม่ฟังความจากใคร

 

ที่มา : Youtube By Paul Pattarapon