ถอดรหัสแฟชัน Unisex จาก mv It’s okay not to be alright
หลังจากที่พีพี กฤษฎ์ ได้ปล่อยซิงเกิล It’s okay not to be alright ในฐานะศิลปินเดี่ยวจากค่ายนาดาว มิวสิค เรียกได้ว่ากระแสตอบรับความปังล้นหลามมากเลยทีเดียว เพราะรายละเอียดต่าง ๆ ใน mv ล้วนมีนัยยะแอบแฝงให้เราได้ตีความ ประกอบกับเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์สไตล์ R&B ฟังสบายที่ปลอบโยนความรู้สึกของผู้ฟังให้ยอมรับและซื่อสัตย์กับความรู้สึกตนเอง การยอมรับว่าเรารู้สึกเจ็บปวด รู้สึกโดดเดี่ยว ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพราะทุก ๆ เรื่องราวล้วนผ่านเข้ามาเพื่อเป็นช่วงหนึ่งของชีวิต และอีกประเด็นที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือลุคทั้ง 5 ใน mv ที่ถูกดีไซน์มาจากเนื้อเพลง ทำให้เราได้เห็นทิศทางของการนำเสนอตัวตนผ่าน mv มากขึ้น
พีพีกับการนำเสนอมิติทางแฟชัน
จากลุคทั้ง 5 ลุคที่ถูกอิมโพรไวซ์ขึ้นมาก็ได้รับเสียงชื่นชมจากแฟน ๆ มากมาย เพราะคอสตูมของพีพีนั้นเรียกได้ว่าสวยจัดจ้าน สมกับที่เป็นควีนพีพี อีกทั้งสามารถนำเสนอมิติของความลื่นไหลทางแฟชันในเรื่องของข้อจำกัดทางเพศได้อย่างเป็นธรรมชาติ จาก mv เราจะเห็นลุคทั้ง 5 ที่ถูกนำเสนอผ่านพีพี ดังนี้
Queen
Slave
Exercise
Holiday
Natural
ในปัจจุบันสังคมมีการยอมรับในความหลากหลายทางเพศมากขึ้น ส่งผลให้ข้อจำกัดในเรื่องเพศถูกพังทลายลงไป ทำให้หลาย ๆ แบรนด์หันมาตีตลาดด้วยเสื้อผ้า เครื่องประดับ unisex โทนสีทุกสีไม่จำกัดว่าต้องเหมาะกับเพศใดเพศหนึ่ง แนวคิดสีชมพูเหมาะกับผู้หญิง สีฟ้าเหมาะกับผู้ชาย หรือผู้ชายไม่ควรแต่งหน้า จึงค่อย ๆ เลือนรางไปตามยุคสมัย ทำให้เราเห็นถึงเสน่ห์ของการแต่งตัว ที่เมื่อไหร่ก็ตามถ้าหากเราได้ใส่เสื้อผ้าที่เสริมสร้างความมั่นใจ ได้สวมใส่สิ่งที่เป็นตัวเราโดยไร้กรอบกำหนดมาจำกัดเกณฑ์ เสื้อผ้าเหล่านั้นก็จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ในตัวเรา และผลักดันความมั่นใจของตัวเราให้เด่นชัดขึ้น
ทั้งนี้พีพีได้ให้สัมภาษณ์ผ่านไทยรัฐเกี่ยวกับสไตล์การแต่งตัวใน mv ที่ทำให้เราได้รับรู้ทัศนคติของเขาดังนี้
พีรู้สึกว่าสำหรับทุกคน เราอยากแต่งตัวยังไงมันก็ได้อยู่แล้วถ้าเรามั่นใจที่จะใส่และเราได้แสดงออกมากขึ้น พีรู้สึกว่าถ้าทุกคนมั่นใจในลุคไหนที่จะใส่เต็มที่ไปเลย ทำอะไรที่ตัวเองมีความสุขที่อยู่บนพื้นฐานของการไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ทุกคนก็สามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ พีก็ชอบนะกับการที่ได้แต่งตัวเยอะๆได้ลองเปลี่ยน เพราะการที่เราได้เปลี่ยนลุคทำให้เราได้ออกจากคอมฟอร์ตโซนทำให้สื่อถึงมู้ดอารมณ์ในช่วงนั้นๆของเราด้วย
ไม่เป็นไรถ้าเราจะยอมรับว่าวันนี้เรารู้สึกแย่
ถ้าเราแปลประโยค It’s okay not to be alright อย่างตรงตัว เราจะได้ความหมายว่า ไม่เป็นไรที่จะรู้สึกว่าไม่โอเค ซึ่งในปัจจุบันหลาย ๆ คนต่างมีวิธีรับมือกับความรู้สึกเจ็บปวด อ่อนไหว ความท้อแท้ต่างกัน หลายคนเลือกที่จะเก็บซ่อนและกดทับความรู้สึกเหล่านี้ แล้วเแสดงด้านที่เข้มแข็งออกมา ซึ่งหากมองอีกมุมนึง มันจะเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหนเชียว ถ้าเราเลือกที่จะหยุดพักแล้วเซฟความรู้สึกตัวเอง หันมาเยียวยาจิตใจให้แข็งแรงก่อนจะกลับมาสู้กับปัญหาที่เราหยุดพักไว้ เราอาจจะได้พลังใจจากความชอบ เราอาจจะได้พลังใจจากสิ่งเล็ก ๆ รอบตัวที่จะช่วยปลอบโยนเราจากเรื่องราวต่าง ๆ
ทั้งนี้เพื่อน ๆ สามารถฟังเพลง It’s okay not to be alright ได้แล้ววันนี้ที่ youtube spotify และ streaming
ผู้เขียน :
fashionista คืองานหลัก content editor คืองานรอง
ออกแบบกราฟิก :
จริงๆ ชื่อ แจ้ ไม่ได้ชื่ออ้อม